คนอวดผี "ผีหวงบ้าน" แรงอาถรรพ์จนไม่สามารถขายบ้านได้!

คนอวดผี "ผีหวงบ้าน" แรงอาถรรพ์จนไม่สามารถขายบ้านได้!

คนอวดผี "ผีหวงบ้าน" แรงอาถรรพ์จนไม่สามารถขายบ้านได้!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รายการ "คนอวดผี" วิญญาณและเรื่องราวชีวิตหลังความตาย ตื่นเต้นกับเรื่องราวขนหัวลุก จากประสบการณ์จริง พร้อมพิสูจน์ และแก้ไขกับ ศูนย์บรรเทาทุกข์ผี ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือคนที่ยังอยู่และคนที่จากไป คนอวดผีครั้งนี้พบกับเรื่องราวของครอบครัวนึงได้ไปซื้อบ้านหลังใหม่ เพราะมีความตั้งใจจะให้ครอบครัวอยู่บ้านหลังใหม่ ปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นตามที่ตั้งใจไว้ เพราะลูกชายคนเล็กประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตหลังจากที่สิ่งนี้เกิดขึ้นความเศร้าโศกก็เข้ามาในครอบครัว จึงขายไม่ได้ เจ้าของบ้านเชื่อว่าเป็นเพราะดวงวิญญาณของลูกชายที่เสียชีวิตไม่ยอมให้ขาย เพราะหวงบ้าน และเป็นครั้งแรกที่ริว จิตสัมผัสจะโทรศัพท์หาผี

ซึ่งไม่สามารถทนอยู่กับบรรยากาศในบ้านหลังนี้ไม่ได้ ก็เลยประกาศขาย จึงมาเรื่องราวน่ากลัวเกิดขึ้นอีก ในขณะที่ประกาศขายจึงทีคนที่ซื้อบ้านก็โทรเข้าไป แล้วแจ้งว่าโทรเข้ามาแล้วพวกคุณบอกไม่ขาย ทางบ้านเลยแย้งว่าว่าจะไม่ขายได้ไงก็ประกาศขายไปแล้ว ทางผู้ซื้อจึงแจ้งว่ามีผู้ชายคนนึงรับ แล้วบอกว่าไม่ขาย ทั้งคุณพ่อ คุณพ่อ ก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ จึงคิดว่าผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็นวิญญาณของลูกชายคนเล็กตัวเอง คุณแม่ตุ๊กแม่ของผู้ที่เสียชีวิต จึงมาร้องทุกข์ในรายการ "คนอวดผี" คุณแม่เล่าว่าบ้านหลังนี้จะอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 คน พ่อ แม่ พี่สาวของผู้เสียชีวิต และมีหลานอีก 1 คน และลูกชายที่ชื่อดลที่เสียชีวิต คุณแม่เล่าว่าซื้อบ้านเมื่อปี 57 แล้วย้ายมาอยู่เป็นครอบครัวด้วยความอบอุ่น

และบ้านหลังนี้พี่สาวได้ซื้อให้น้องชายที่เสียชีวิต สักพักก็มีลางสังหรณ์ นอนสะดุ้งตื่นตอนกลางคืนเป็นประจำ ไปเคาะเรียกลูกชายให้พาไปหาหมอ แล้วตอนวันที่ลูกชายจะเสียชีวิตก็เกิดอาการเป็นแบบนี้อีก ก็เคาะเรียกลูกชายก็เงียบ ตอนเช้าประมาณ 7 โมง พี่สาวก็โทรมาบอกแม่เดี๋ยวหนูไปหานะ ซึ่งพี่สาวจะอยู่บ้านแฟนไปๆมาๆ ทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ ซึ่งเราก็คิดว่าเขาคงทะเลาะกับแฟน พอมาถึงเขาก็กอดเรา แม่ทำใจดีๆไว้นะ น้องไปสบายแล้ว ซึ่งคำนี้เป้นอะไรที่แบบเหมือนมีดตัดขั้วหัวใจทั้งแม่ทั้งพ่อ คือร้องไห้เสียใจกัน ที่เสียชีวิตเพราะเพื่อนมารับไปจากบ้านไปนอนค้างที่ประจวบฯคืนนึง พอคืนต่อไปเขาจะไปต่อที่ อ.บางสะพานน้อย ก็มารับกันไปประมาณเที่ยงคืนกว่า ออกไปไม่ถึง 10 กิโล ก็ไปเกิดอุบัติเหตุ เป็นช่วงยูเทรินพอดี

คนแถวนั้นเล่าว่าได้ยินเสียงรถชนอะไรดัง 2 โครม แล้วไปชนเสาไฟ จนโคน เสียชีวิตคาที่กัน 3 คน กระเด็นออกมาจากรถ ซึ่งไปทั้งหมด 4 คน จึงมารับศพกัน ซึ่งสภาพศพคอขาด ทาง รพ. ยังไม่ได้ทำอะไรกับศพ ไม่ได้ตกแต่ง พ่อจึงนำเข็มกับด้ายมาเย็บให้สภาพศพลุกดูดีขึ้น แต่แม่ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปดู เรื่องราวจึงนำมาสู่โศกนาฏกรรมของครอบครัว ซึ่งได้ใช้ชีวิตในบ้านหลังใหม่เพียง 2 เดือน และวิญญาณเขาก็ได้กลับมาบ้าน จากวันที่เขาเสียไปดูในห้องผ้าปูเตียงจะมีรอยเหมือนคนไปนอนแล้วลุกออกข้างๆ ซึ่งไม่มีใครเข้าไป แม่กับพ่อก็มองหน้ากันคิดว่าเขาต้องกลับมา บางคนก็บอกผ่านมาเห็นเด็กหนุ่มมานั่งอยู่มุมบ้านนะ ซึ่งไม่มีใครอยู่บ้านไปต่างจังหวัดกัน

โดยตอนนี้เสียไป 2 ปีกับ 3 แล้ว จึงประกาศขายบ้านติดป้ายหน้าบ้าน และคนที่ติดต่อเข้ามาก็บอกว่าโทรไม่ติดบ้าง ซึ่งเป็นเบอร์ลูกสาว เลยมีคนมาถามว่าป้าไม่ขายแล้วหรอมีคนเขาจะซื้อโทรไปลูกชายรับบอกว่าไม่ขาย จึงขายไม่ได้มีปัญหาตลอดจึงเชื่อว่าเขายังอยู่และเป็นเพราะลูกชายรับสาย เพราะคนที่รับสายบอกว่าเป็นลูกชาย จึงคิดว่าวิญญารลูกยังวนเวียนอยู่ในบ้าน จึงไม่ขายก็อยู่บ้านใช้ชีวิตเหมือนอยู่กับลูกเป็นเวลา 2 แล้วเลยอยู่ที่นี่ จึงทำให้ขายไม่ได้ เจ้าของบ้านเชื่อว่าเป็นเพราะดวงวิญญาณของลูกชายที่เสียชีวิตไม่ยอมให้ขาย เพราะหวงบ้าน และเป็นครั้งแรกที่ริว จิตสัมผัสจะโทรศัพท์หาผี ซึ่ง ริว จิตสัมผัส ก็แจ้งว่ามีคำว่าลูกขึ้นมาตลอดเลย และบอกว่าลูกชายน่าจะไม่อยู่แล้ว และได้ยินเสียงน้อยใจ ที่ตัวเองเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องราวต่างๆ และเห็นมีคนมายืนอยู่ข้างๆบริเวณคอมีปัญหาเห็นแล้วก็หายไป ริวจึงขอโทรศัพท์หาผี และแจ้งว่าขอให้คนที่รับสายเป็นลูกชายในรายการ เพราะอยากทราบว่าต้องการให้ขายหรือไม่ขาย จึงบอกกับคุณแม่ว่า....ถ้าลูกสาวรับแสดงว่าขายได้ ถ้าลูกชายที่เสียชีวิตรับแสดงว่าไม่ให้ขาย สรุปจึงเป็นลูกสาวรับ ซื้อเป็นพี่สาวแท้ๆของคุณดล ริวจึงแนะนำให้แม่ขายเลย ทีมงานคนอวดผีและคุณริว จึงได้เดินทางไปยังบ้านของคุณดล

และจากสาเหตุนี้จึงนำมาสู่เรื่อง เงินที่ริว จิตสัมผัสสื่อสารกับวิญญาณของผู้ตายและทำให้ครอบครัวพบเงินจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองว่า ผู้ตาย ตายเมื่อปี 2557 แต่ธนบัตรถูกออกใช้ในปี 2558 แล้วจะเป็นเงินของผู้ตายได้อย่างไร?? ซึ่ง ทางทีมงานจะขอชี้แจงเพียงแค่ในส่วนของการทำงานร่วมกันกับ ริว จิตสัมผัส การถ่ายทำเนื้อหาที่บ้านของผู้ตายนั้น ทีมงานและริว ไม่ได้ขึ้นไปบนบ้านเพื่อสำรวจก่อนเลย เราทั้งหมดและครอบครัวผู้ตาย ขึ้นไปถ่ายทำเนื้อหาที่ออกอากาศบนห้องนั้นพร้อมกัน ริว จิตสัมผัส รับรู้จากดวงวิญญาณว่า "ให้เปิดหลังประตูสิ" และเมื่อริวเปิดหลังประตูโต๊ะเครื่องแป้งก็เจอกล่องใบหนึ่งพร้อมกับเงินมากมาย โดยที่ทีมงานและครอบครัวของผู้ตายเองก็แปลกใจเช่นเดียวกัน

จนกระทั่งออกอากาศและมีผู้ชมตั้งคำถามมาเกี่ยวกับเรื่องธนบัตรที่พบ แน่นอนว่าทีมงานก็แปลกใจและไม่นิ่งนอนใจ ค้นคว้าหาข้อมูลจนรู้ว่า ธนบัตรชนิดราคา 1,000 นี้ จัดทำเพื่อนำออกใช้ในวันที่ 21 ส.ค. 2558 ทางครอบครัวผู้ตายโดยเฉพาะคุณแม่เองก็แปลกใจเช่นเดียวกันเมื่อได้รู้เรื่องนี้ และยืนยันว่าไม่รู้เลยในห้องของลูกชายมีเงินอยู่จริงๆ และทางครอบครัวก็ไม่รู้ว่าเงินที่ริวนำมาให้นั้นคือ ธนบัตรชนิดราคา 1,000 ที่ออกใช้ ปี 2558 ซึ่งมันหลังจากลูกชายตายเมื่อ ปี 2557

คุณแม่ก็ยังยืนยันว่าไม่รู้ และคิดไม่ตกว่าเงินก้อนนี้มาอยู่ในห้องลูกชายที่ตายไปแล้วได้อย่างไร? เมื่อทีมงานถามย้ำ คุณแม่จึงนึกขึ้นมาได้และบอกกับทีมงานว่า เมื่อปี 2558 มีญาติผู้ใหญ่มาพักที่ห้องของลูกชายประมาณครึ่งปี แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่เงินของเขาหรือไม่? ทางทีมงานยังยืนยันว่าขณะถ่ายทำวิญญาณมาสื่อสารกับริว จิตสัมผัสว่า "ให้เปิดหลังประตูสิ" แล้วเมื่อริว เปิดหลังประตูของโต๊ะเครื่องแป้งก็พบกับเงินจำนวนดังกล่าวเท่านั้นเอง  สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณแฟนๆ รายการที่ติดตามคนอวดผีและแจ้งข้อมูลให้กับทางทีมงานเพื่อนำไปพัฒนารายการต่อไป ซึ่งปัจจุบันนี้คนอวดผีได้เข้าสู่ปีที่ 7 แล้วและศูนย์บรรเทาทุกข์ผีก็ยังจะทำหน้าที่ช่วยเหลือคนที่ยังอยู่และคนที่จากไปเหมือนเช่นเคย

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก รายการคนอวดผี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook