วิธีบูชาและขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรให้ได้ผลทันตาเห็น

วิธีบูชาและขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรให้ได้ผลทันตาเห็น

วิธีบูชาและขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรให้ได้ผลทันตาเห็น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดลบันดาลให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องขออย่างมีสติ ต้องประกาศตัวเองก่อนว่าเราคือใคร มีศีลอะไร มีความดีอะไร ด้วยความดีเหล่านั้น ก็ขอให้เป็นกำลังใจให้เราสร้างความดีต่อไป เรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือ "พลังจิต" เพราะพลังจิตที่กล้าแกร่งมีสมาธิเป็นหนึ่งเดียวนั่นคือ แรงส่งมหาศาล ที่จะนำแรงสัจจะอธิษฐานในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ได้ผลตามที่มุ่งหวัง ซึ่งขอให้เข้าใจเสียก่อนว่า พลังจิตที่เราใช้เป็นแรงส่งหรือเชื่อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นเพียงพลังส่งการไปขอพร ขออำนาจบุญบารมีจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

การขอพรนั้นเป็นสิ่งที่ดี ขอได้ทุกโอกาสและขอได้กับเทพหรือเทวดาทุกองค์ หรือแม้แต่พระพุทธรูปก็ตาม เมื่อปฏิบัติดีอยู่ในศีลด้วยความดี ตั้งใจมั่นศรัทธา ความสำเร็จก็จะเกิดขึ้นกับเรา เคล็ดลับอีกประการหนึ่ง ในเวลาที่เรากำลังขอพรอยู่นั้น เราต้องรวมจิตให้มีพลังเพื่อเชื่อมบุญต่อกับท่านเหล่านั้นได้ ให้สังเกตดูว่า ในช่วงที่เรามีพลังจิตกล้าแกร่งนั้น เราจะรู้สึกโล่ง ขนลุก น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวหรือมีแสงวาบขึ้นมาในจิต แสดงว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นท่านรับรู้แล้วในสิ่งที่เราปรารถนาและสิ่งนั้นจะประสบหรือไม่ อยู่ที่กรรมลิขิต

การที่จะบูชาให้ได้ผลดีและเร็วนั้นแบบทันตาเห็นนั้น ต้องทราบเสียก่อนว่า คำว่า “ทันตาเห็น” นั้น หมายถึง ในชั่วชีวิตของเราไม่เกิน 30 ปี เราต้องได้พบได้เห็น ไม่ใช่บูชาวันเดียว ครั้งเดียวหรือสองสามครั้งแล้วจะส่งผลทันที แต่อาจจะเป็นไปได้เหมือนกัน ถ้าบุญบารมีของผู้ที่บูชานั้น ถึงกาลเวลาที่จะส่งผลถึงพร้อมด้วยเหตุและปัจจัย เรื่องจะส่งผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับบุญของคนที่บูชาที่กล่าวมาแล้ว แต่จะพูดหลักใหญ่ในการบูชาให้ได้ผลดีนั้น ควรต้องรู้ก่อนว่า มีอะไรบ้างที่เป็นส่วนประกอบสำคัญ เพราะถ้าไม่รู้วิธี

สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นอาจจะมีพลังเหลือเพียงหิน ปูนหรือตุ๊กตาไป เสียเงินเสียทอง เสียเวลาโดยใช่เหตุอันควร ส่วนประกอบที่สำคัญที่ควรรู้ว่าเมื่อเราบูชาท่านแล้ว เราจะได้ผลตามที่เราปรารถนาหรือไม่นั้นมีดังนี้

1. เพราะกรรมบันดาล ซึ่งในที่นี้รวมทั้งกรรมเก่าและกรรมใหม่ที่กระทำขึ้นมาในชาตินี้ ถ้าอยากมีชีวิตที่เป็นสุขต้องเร่งสร้างกรรมดีใหม่ไปชดเชยหรือลดกรรมเก่าเสีย เพราะถ้าหากมีกรรมเก่ามากและเป็นวิบากกรรมหนักนั้นและกำลังส่งผลต่อชีวิตนั้น การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งมงคลนั้น อาจจะเป็นไปได้ยากหรือส่งผลได้น้อยมาก แต่เรื่องนี้ยังมีทางแก้ ไม่ใช่ให้ไปแก้กรรม เพราะกรรมนั้นแก้ไม่ได้ ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมนั้น
การแก้ไขที่ถูกต้องนั้นคือ ต้องสร้างกรรมดีขึ้นมาใหม่ เป็นบุญใหม่เพื่อนำไปขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรเสีย ต้องทำให้สม่ำเสมอ มากพอและนานพอ เพื่อที่จะทำให้เจ้ากรรมนายเวรนั้นยกโทษให้ เพื่อคลายวิบากกรรมไม่ดีที่กำลังส่งผลนั้น เมื่อวิบากกรรมไม่ได้นั้น อ่อนกำลังลง บุญใหม่ที่ทำนั้นจะช่วยส่งผลได้ และเมื่อรู้จักการบูชา โมทนาพระคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และรู้จักวิธีบูชาสิ่งมงคลแล้ว พลังอำนาจเหล่านั้นก็จะหลั่งไหลเข้าหาตัว ทำให้เกิดโชคลาภโดยเร็ว

2.เพราะตัวผู้บูชาบริสุทธิ์ ตัวเราที่เป็นผู้บูชานั้นต้องพยายามเป็นผู้บริสุทธิ์ ก่อนที่เริ่มจะบูชาหรือสวดคาถาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มนตราและคาถาต่างๆ นั้น ผู้ที่จะบูชานั้นต้องเป็นผู้มีบุญ เป็นผู้บริสุทธิ์เท่าที่จะทำได้ ต้องรู้จักการทำทาน ศีลและภาวนา เป็นบุญเบื้องต้นที่ควรจะมี เพราะถ้าไม่มีบุญของตัวเองเป็นที่ตั้ง บุญจากที่อื่นก็ไม่มีวันมาช่วยได้ เพราะตัวเรานั้นรับไม่ได้ การที่จะบริสุทธิ์เท่าใดนั้น ดูที่การทาน ถือศีล เจริญภาวนา นั้นเป็นหัวใจสำคัญ คนที่ต้องการความโชคดี มีมงคลเข้าสู่ชีวิตให้รุ่งเรืองนั้น ควรต้องรักษาศีลอย่างน้อยที่ศีล 5 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเรื่องของกรรมวาจา ซึ่งหมายถึง ต้องเป็นคนที่พูดจาเป็นมงคล เพราะการพูดมงคลนั้นเป็นการนำสิ่งที่ดีเข้าใส่ตัว เพราะการพูดไม่ดีนั้นจะขัดแย้งกับมนต์คาถาศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งออกมา การเบียดเบียนผู้อื่น เป็นสิ่งที่ต้องไม่ทำอย่างเด็ดขาด เพราะกรรมนั้นจะขัดแย้งกันกับสิ่งที่เราปรารถนาจะได้มา สำหรับการเริ่มต้นบูชานั้น ต้องมีการชำระร่างกายให้สะอาด ทำจิตใจให้ผ่องใส จิตไม่ส่าย และมีสมาธิในการบูชาที่แน่วแน่ มีความเชื่ออย่างแรงกล้า ถ้าใจมันไม่เชื่อเสียแล้ว บอกได้เลยว่า สิ่งที่ขอพรและต้องการนั้นไม่มีทางเป็นไปได้

3.พลังแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล การที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะให้พรช่วยดลบันดาลให้แก่เรานั้น เราต้องรู้จักวิธีการบูชาที่ถูกต้องเสียก่อน เพราะดวงจิตวิญญาณที่สถิตหรือรักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ท่านมีเจตจำนงในความต้องการแตกต่างกัน แล้วแต่พลังจิตวิญญาณนั้นๆ ว่าท่านอยู่ในระดับชั้นใด แต่ที่เหมือนกันก็คือ ท่านทรงไว้ด้วยคุณความดีและมีพลังบุญ บางองค์นั้นท่านเป็น พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ พรหมเทพเทวา หรือ เทพเจ้าต่างๆ วิญญาณบรรพบุรุษ หรือผู้ที่เคยมีพระคุณยิ่งใหญ่ต่อแผ่นดิน ในการบูชาเบื้องต้นนั้น เราต้องจัดวางตำแหน่งท่านให้เหมาะสม อยู่ในทิศทางที่เป็นมงคลถูกต้อง ซึ่งเรื่องเหล่านี้เรียนรู้ได้ไม่ยาก เพราะในศาสตร์ต่างๆ นั้นได้ระบุตำแหน่งในการจัดวางไว้ชัดเจน เพื่อแสดงเจตนาเริ่มต้นการยอมรับนับถือ อันเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอีกข้อหนึ่งที่ต้องมี

สำหรับสิ่งของในการบูชานั้นบางท่านนั้น เพียงเรามีการถือศีล หรือเจริญภาวนา ทำสมาธิ ท่านก็พอใจและรับรู้ รับทราบแล้ว ท่านก็จะช่วยให้พร ส่งบุญบารมีมาช่วยเราได้ แต่ในบางองค์ที่มีบุญน้อยกว่า อาจจะต้องมีเครื่องเซ่นไหว้บูชาประกอบเพื่อเป็นตัวนำทาง สิ่งของที่นำมาบูชาหรือเครื่องสังเวยนั้น ต้องมาจากเงินที่บริสุทธิ์ มาจากแรงงานของตนไม่เบียดเบียนผู้ใดมา หรือขโมยของใครมาเรียกว่า ยิ่งบริสุทธ์ ยิ่งมาจากความประณีต ยิ่งมาจากแรงศรัทธา ความเพียรในการจัดหามากเท่าใด ท่านก็จะรับด้วยความยินดีมากเท่านั้น ถ้าต้องการถวายเครื่องบูชาเป็นอาหารคาวหวาน ผลไม้ มีเคล็ดสำคัญมากที่ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งสอนไว้ก็คือ ควรนำไปถวายแด่พระสงฆ์ เมื่อถวายเสร็จแล้วจึงอุทิศบุญไปให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นการเชื่อมบุญกับท่าน

เพราะเมื่อเราเชื่อมบุญกับท่านแล้ว ท่านก็จะรับรู้ และรู้จักเรา ความปรารถนาของเรา ส่วนในน้ำสะอาดนั้น สามารถจัดเปลี่ยนได้ทุกวัน แล้วเอาน้ำเก่านั้น ไปเทรดน้ำต้นไม้ในบ้าน และในทุกวันสามารถอุทิศบุญให้กับสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่นอกเหนือจากวัตถุทาน ที่มาจากบุญกิริยาวัตถุ 10 ที่เหลืออีก 9 ข้อ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้อื่น การชักชวนคนไปทำบุญ การขออนุโมทนาบุญของผู้อื่น การฟังธรรม การเผยแพร่ธรรมะฯลฯ โปรดจงจำไว้เสมอว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์และสิ่งมงคลที่ท่านเพียรบูชานั้น ท่านจะช่วยเหลืออวยพรคนที่เป็นคนดี และขอในทางกรรมดีเท่านั้น ท่านไม่ช่วยให้คนไปทำชั่ว คดโกงผู้ใดทั้งสิ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook