ตั้งชื่อลูก ตั้งชื่อตามวันเกิด ชื่อมงคล เทคนิคการตั้งชื่อลูก

ตั้งชื่อลูก ตั้งชื่อตามวันเกิด ชื่อมงคล เทคนิคการตั้งชื่อลูก

ตั้งชื่อลูก ตั้งชื่อตามวันเกิด ชื่อมงคล เทคนิคการตั้งชื่อลูก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ชื่อ" นั้นสำคัญอย่างไร ?

หลายคนอาจจะเกิดข้อสงสัยว่าทำไม แค่การตั้งชื่อเรียก หรือการตั้งชื่อลูกจึงเป็นสิ่งสำคัญนัก "ชื่อ" นั้นเป็นเสมือนเครื่องยืนยันตัวตนที่ทำให้บุคคลอื่นจดจำและเรียกขานเราได้อย่างถูกต้อง พ่อแม่บางคนมีความกังวลเกี่ยวกับการตั้งชื่อลูกเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่าเดินทางไปหาพระ หรือเกจิอาจารย์ดังที่เคารพนับถือให้ทำการตั้งชื่อให้ เพราะว่าเชื่อว่าจะมีความเป็นมงคลและจะเป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวลูกไปจนโต ถ้าหากไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อนั้นก็จะอยู่ติดตัวลูกไปตลอดชีวิต แต่มงคลใดจะสู้ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้จริงหรือไม่ ?

วันนี้ มีเรื่องราวดีๆ และหลักการคร่าวๆ ในการตั้งชื่อลูกมาฝากกัน จริงๆ แล้วการตั้งชื่อลูกที่มีความหมายดีๆ ไม่ใช่เรื่องยาก พ่อแม่ทุกคนสามารถทำได้ ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย

หลักการตั้งชื่อลูกให้เป็นมงคลหลักการตั้งชื่อลูกให้เป็นมงคล

4 เรื่องสำคัญก่อนการตั้งชื่อลูก

  1. คุณพ่อคุณแม่อาจไม่จำเป็นต้องพาลูกๆ เดินทางไปหาญาติผู้ใหญ่เพียงเพราะต้องการให้พวกเขาตั้งชื่อให้กับลูกของคุณ แน่นอนว่าชื่อที่ได้นั้นอาจมีความไพเราะ และเป็นการหาชื่อตามความชอบของพ่อแม่มาเป็นส่วนประกอบในการตั้ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งชื่อก็อาจไม่ถูกใจพ่อแม่เสมอไป
  2. การตั้งชื่อลูกจะต้องมองไปถึงอนาคตของเขาด้วย หากเขาโตขึ้นแล้วเกิดมีเพื่อนๆ ล้อเลียนก็อาจทำให้ชื่อกลายเป็นปมด้อย เพราะในบางทีชื่อที่พ่อแม่ตั้งนั้นคิดว่าดีแล้ว แต่สำหรับคนอื่นชื่อนั้นๆ อาจทำให้ลูกกลายเป็นตัวตลกก็ได้ 
  3. นอกจากการตั้งชื่อจริงแล้ว ก็อย่าลืมตั้งชื่อเล่นให้มีความที่ดีด้วย อาจใช้เป็นชื่อย่อจากชื่อจริงก็ได้ ยกตัวอย่าง หากตั้งชื่อจริงว่า รพีพัฒน์ ชื่อเล่นอาจจะตัดมาแค่คำสุดท้าย คือ พัฒน์ เพื่อให้เรียกง่าย มีความไพเราะอยู่ในตัวด้วย
  4. อย่าพยายามตั้งชื่อลูกให้อ่าน หรือเขียนยากจนเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดปัญหากับลูกของคุณในอนาคตได้ จริงอยู่หากการเพิ่มเติมตัวสะกดแปลกๆ อาจจะทำให้ชื่อดูมีความแตกต่างและไม่เหมือนใคร แต่การตั้งชื่อที่ยาวและเขียนยากนั้นอาจทำให้รู้สึกหงุดหงิด หรือไม่พอใจเวลาที่โดนเรียกชื่อผิดก็ได้

วิธีการตั้งชื่อลูกทำได้อย่างไร ?

สำหรับการตั้งชื่อลูก จะมีสิ่งที่ต้องคำนึงอยู่ ดังนี้ ก็คือ บริวาร อายุ เดช ศรี มูละ อุตสาหะ มนตรี กาลกิณี

ลำดับของทักษาประจำวัน

  • บริวาร : คนที่อยู่ใกล้ชิด สามี ภรรยา ลูก คนรับใช้ ญาติพี่น้อง เพื่อน ผู้อยู่ในอุปการะ รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย
  • อายุ : ชีวิตความเป็นอยู่ วิถีทางการดำเนินชีวิต สุขภาพร่างกาย ความแข็งแรง
  • เดช : อำนาจ วาสนา บารมี ลาภ ยศ สรรเสริญ เกียรติ์ ศักดิ์ศรี ชื่อเสียง อิทธิพล ตำแหน่ง หน้าที่การงานสภาพสังคม การศึกษา การทำงาน
  • ศรี : โชคลาภ มงคลทั้งปวง ความสำเร็จ ความสมหวัง เสน่ห์ ความเมตตามหานิยม เงินทอง คุณงามความดีทั้งหลาย
  • มูละ : เงินทอง ทรัพย์สิน มรดก หลักทรัพย์ ความมั่นคง ที่ดิน หลักทรัพย์ทางเศรษฐกิจ
  • อุตสาหะ : ความขยันหมั่นเพียร อาชีพ การทำงาน ความพากเพียร เพื่อความสำเร็จของชีวิต ความคิดใหม่ๆ ความกระตือรือร้นต่างๆ
  • มนตรี : การมีผู้หลักผู้ใหญ่สนับสนุน ช่วยเหลือ ค้ำจุนเกื้อกูลด้วยความเอ็นดู ทั้งพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ครู อาจารย์ เจ้านาย ผู้ที่อาวุโสกว่า
  • กาลกิณี : ความทุกข์ระทม ความอาภัพ อัปมงคล ไร้โชค เคราะห์ร้าย ความชั่ว อุปสรรค ความเจ็บป่วย ความผิดหวัง ความทุกข์เสียใจ ความพลัดพราก ศัตรู

5 ข้อที่ต้องคำนึงก่อนเริ่มตั้งชื่อลูก

  1. การตั้งชื่อลูกต้องคำนึงช่วงเวลา หรือระยะเวลาที่กำลังดำเนินไป ต้องมองให้รอบว่าชื่อนี้ยังสามารถใช้ได้อยู๋หรือไม่เมื่อเข้าสู่วัยชราที่นำหน้าด้วย ตา - ยาย สำหรับชื่อบางชื่อเป็นชื่อที่ดูน่ารักสำหรับเด็กๆ แต่เมื่อโตไปเป็นผู้ใหญ่ มีอายุมากขึ้น พอเรียกชื่อแล้วอาจจะดูไม่เหมาะสม
  2. การตั้งชื่อลูกที่เป็นภาษาต่างประเทศ ในบางชื่อออกเสียงยากเกินไปจนทำให้คนอื่นเรียกชื่อผิดๆ ได้ หรืออาจกลายเป็นเรื่องตลก จากที่คิดว่าการตั้งชื่อแบบนี้นั้นโดดเด่น แต่อาจกลับกลายเป็นปมด้อยให้กับเด็กจนขาดความมั่นใจได้โดยไม่รู้ตัว
  3. การตั้งชื่อลูกจากชื่อผลิตภัณฑ์ หรือชื่อสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน หากเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ชื่อที่ตั้งไว้ก็อาจกลายเป็นชื่อเชยๆ ไปเลยก็ได้
  4. การตั้งชื่อลูก โดยเฉพาะชื่อที่คล้ายกับสัตว์เลี้ยง เมื่อคนอื่นๆ เรียกอาจดูน่าขำ คงจะกลายเป็นเรื่องที่ตลกหากว่าลูกคุณต้องชื่อซ้ำกับเจ้าหมา
  5. การตั้งชื่อลูก โดยเฉพาะชื่อเล่นซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่เป็นที่ยอมรับของบุคคลอื่นๆ ในครอบครัว อย่าง ปู่ ย่า ตา ยาย ก็ควรจะปรึกษากันให้ดี เพื่อความพึงพอใจของทุกๆ ฝ่าย

ตั้งชื่อลูกตั้งชื่อลูก

หลักการตั้งชื่อลูกให้เป็นมงคล

ถึงแม้ว่าการตั้งชื่อลูกนั้นจะสามารถทำได้หลายวิธี แต่โดยส่วนมากพ่อแม่ก็มักต้องการให้ชื่อนั้นมีความเป็นมงคล ซึ่งอาจนำไปให้พระเกจิที่ตนรู้จักตั้งให้บ้าง หรืออาจจะใหญ่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนับถือตั้งให้บ้าง นั่นก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่หากใครที่ยังไม่แน่ใจว่าตั้งชื่อลูกแบบไหนจึงจะดี แบบไหนที่เรียกว่าเป็นมงคล ลองมาดูหลักนามศาสตร์ที่เป็นการดูปัจจัยอื่นๆ เข้ามาประกอบเพื่อให้ลูกได้ชื่อที่ดี มีคำเพราะ และเป็นมงคลอีกด้วย

  1. ยึดหลักทางพระพุทธศาสนาเข้าใช้เป็นส่วนหนึ่งในการเลือกตั้งชื่อลูก

    คนไทยส่วนใหญ่ต่างก็นับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก ฉะนั้นเราก็สามารถที่จะนำเอาหลักของศาสนาพุทธเข้ามาเกี่ยวโยงกับตั้งชื่อลูกเป็นอันดับแรก ในทางพุทธศาสนาล้วนให้ความสำคัญกับกฎของการกระทำ หรือที่เราเคยได้ยินกันจนคุ้นหูว่า กฎแห่งกรรม เป็นหลักสำคัญในผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากระทบชีวิตของแต่ละคนมากที่สุด

    ซึ่งการที่แต่ละคนถูกส่งให้ไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงดาวดวงไหนนั้น ล้วนมีเหตุผลมาจากกรรมที่คุณเองเคยได้ทำเอาไว้ในอดีตชาติไม่ว่าจะดี หรือร้าย ส่วนเรื่องของดาวนั้นก็เป็นปลายเหตุให้เหล่าโหราจารย์ผู้ที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับอดีตชาติทั้งหลายเก็บบันทึกข้อมูลและนำมาทำนานทายทักกันในภายหลัง

    โดยตามตำราท่านว่า ทุกๆ สิ่งที่อยู่ในจักรวาลจะถูกควบคุมโดยอิทธิพลของดวงดาวต่างๆ กัน ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวอักษรที่เราใช้กันและนำมาตั้งเป็นชื่อด้วย

    ฉะนั้นขอบอกสั้นๆ ง่ายๆ ว่า ไม่ว่าเราจะถูกตั้งชื่อให้อยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงดาวไหนก็ตามก็ไม่สำคัญเท่ากับการกระทำของตัวเอง ต่อให้ตั้งไว้ดีแค่ไหน ถ้าการกระทำปัจจุบันไม่ดี ก็ต้องถูกโดนจับไปโยนอยู่ภายใต้อิทธิพลของดวงดาวที่ให้ผลร้ายไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม

  2. หลักโหราศาสตร์ในโลกนี้มีมากมายหลายศาสตร์

    หนึ่งในศาสตร์ที่เป็นแม่บทของโหราศาสตร์ในบ้านเรา คือ มหาทักษา ที่โหราจารย์ส่วนใหญ่ต่างก็ยึดตามหลักของมหาทักษาเป็นอันดับแรกก่อน จากนั้นก็ค่อยนำเอาศาสตร์อื่นมาประกอบในการตั้งชื่อ หากคุณนำชื่อไปโหราท่านอื่นดูแล้วบอกว่าไม่ดี ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเปลี่ยนเพราะเป็นชื่อที่ดีก็ต้องไม่ตื่นตระหนกไป

    เอาเป็นว่าถ้าโครงสร้างเสาหลักมั่นคงแข็งแรง แล้วทำไมถึงยังต้องการแต่งเติมเสริมบ้านเข้าไปอีก บางคนอาจมองว่าดีแล้ว ในขณะที่บางคนมองว่าไม่สวย เกะกะ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะมองแบบไหน หรือชอบแบบไหน ขอแค่ให้บ้านหลังนี้คุ้มแดดคุ้มฝนได้ และเจ้าของก็ภูมิใจกับบ้านของตัวเองก็เป็นพอ

    ฉะนั้น ถ้าจะเอาทุกหลักการมาใช้รวมกันก็อาจจะเกิดความยุ่งยากในการประสมอักษรให้กลายเป็นภาษามนุษย์ อยากให้ยึดหลักสัก 2 อย่างก็เพียงพอ ได้แก่ หลักมหาทักษา กับ หลักเลขศาสตร์ โดย 2 หลักนี้จะช่วยให้คุณสามารถตั้งชื่อได้เองง่ายๆ อาศัยเครื่องมือจากอินเทอร์เน็ตเพียงเล็กน้อยก็สามารถตั้งชื่อลูกได้แล้ว

  3. ตัวอักษรแต่ละตัวย่อมมีอิทธิพลที่แตกต่างกัน
    สำหรับในผู้ชายและผู้หญิงนั้นต่างก็มีอิทธิพลที่แตกต่างกันออกไปอีกเช่นกัน แต่ที่จะแนะนำนี้ต้องบอกก่อนว่าอาจไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่พูดไว้ทั้งหมด อีกทั้งตัวอักษรที่นำมาใช้นี้อาจแตกต่างไปจากที่ให้มาได้ ขอแค่ให้หลีกเลี่ยงการใช้อักษรที่เป็น กาลิกิณี ก็เป็นพอ

  4. นำอักษรมาประสมเป็นคำตามอัธยาศัย
    คราวนี้เมื่อรู้หลักต่างๆ ในการตั้งชื่อลูกแล้ว ก็ลองเอาตัวอักษรมาประสมกันเป็นคำตามอัธยาศัย หรือไม่ก็ลองเปิดพจนานุกรมหาคำที่มีความหมายดีๆ แล้วก็เลือกออกมา แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าขอให้เป็นคำที่มีความหมายไม่ต้องหรูหรา หรือเลิศเลอมาก เพราะชื่อที่ดูแล้วมีความหมายที่วิเศษจนเกินไปอาจไม่ดี แทนที่ลูกจะภูมิใจอาจกลายเป็นอายเพื่อนก็ได้เหมือนกัน

ต่อมาเมื่อได้ชื่อแล้ว ก็ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ทำนายชื่อ ใส่วันเกิด พร้อมกับชื่อที่ตั้งไว้ สมัยนี้เว็บไซต์ส่วนใหญ่จะคำนวนหลักเลขศาสตร์มาให้เรียบร้อย สะดวกกว่าการเดินไปที่ร้านสะดวกซื้อเสียอีก

ซึ่งเลขที่แนะนำให้ใช้เมื่อคำนวณออกมา ได้แก่ 5, 9, 14, 15, 24, 36, 40, 41, 42, 45, 50, 51, 54, 56, 59, 60, 63, 65, 69, 90, 92, 95, 96, 99, 104, 105 เอาแค่พอสังเขป เพราะยังมีตัวเลขอีกเยอะมาก จากนั้นก็เอาเลขเหล่านี้มาบวกกับเลขที่เป็นนามสกุล เลือกจนกว่าจะได้ชื่อที่พอใจ

สรุปการตั้งชื่อลูก

เมื่อได้ชื่อที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว คราวนี้ก็อย่าหวั่นไหวง่ายๆ ถ้าหากว่ามีใครมาทักท้วงว่าต้องแก้ตรงนั้น หรือตรงนี้ แต่ก็ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับการตั้งชื่อลูกอีกมากที่ยังไงก็อธิบายให้รู้กันวันนี้คงไม่หมด

และอีกหนึ่งสิ่ง หากว่าพ่อแม่อยากได้ชื่อลูกที่ดีที่สุด หรืออยากได้ชื่อที่พิสดารที่สุด พิสดารจนกระทั่งบางทีก็ไม่อาจจะรู้ความหมายของชื่อนั้นได้ อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า กรรม หรือการกระทำสำคัญที่สุด ต่อให้ชื่อดี แต่กรรมเดิมที่มีไม่ดียังไงก็หนีไปไม่พ้น

ในทางกลับกัน ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะไม่ได้ชื่อที่สมบูรณ์แบบ เพียบพร้อมที่สุด แต่กรรมเดิมที่ทำมาดีก็รับรองได้ว่ายังไงก็ไม่ตกอับ ขอแค่ให้ตั้งชื่อออกมาแล้วภูมิใจ ไม่อายใคร ประกอบกับอบรมสั่งสอนให้ลูกของคุณปฏิบัติตัวให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ดีต่อคนอื่น รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักระลึกบุญคุณคนที่สมควรระลึก หมั่นสร้างกรรมใหม่ที่ดีอยู่เสมอ รับรองได้ว่ามันจะคุ้มค่าและย่นระยะเวลาพลิกแผ่นดินเฟ้นหาชื่อที่ดีแน่นอน

หากเทียบค่าในทางคณิตศาสตร์ ให้ลองคำนวณออกมาเป็นตัวเลข ให้อิทธิพลที่มีผลกับชีวิตอย่างมากที่สุด คือ 30% ในขณะที่อิทธิพลจากกรรมเป็น 100% จะตีลังกาบวกลบคูณหารอย่างไรก็เทียบกันไม่ได้

อักษรที่เหมาะสำหรับวันเกิดของ คนในแต่ละวัน

  • คนเกิดวันอาทิตย์  : สระทั้งหมด เป็นบริวาร
  • คนเกิดวันจันทร์  : ก ข ค ฆ ง เป็นบริวาร
  • คนเกิดวันอังคาร : จ ฉ ช ซ ฌ ญ เป็นบริวาร
  • คนเกิดวันพุธกลางวัน : ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ เป็นบริวาร
  • คนเกิดวันพฤหัสบดี : บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม เป็นบริวาร
  • คนเกิดวันศุกร์ : ศ ษ ส ห ฬ ฮ เป็นบริวาร
  • คนเกิดวันเสาร์ : ด ต ถ ท ธ น เป็นบริวาร
  • คนเกิดวันราหูวันพุธกลางคืน : ย ร ล ว เป็นบริวาร

อักษรที่ห้ามนำมาใช้ตั้งชื่อ คือ อักษรช่องกาลกิณี ของแต่ละวัน (ความเชื่อส่วนบุคคล)

  • คนเกิดวันอาทิตย์ : ห้ามตัวอักษร ศ ษ ส ห ฬ ฮ
  • คนเกิดวันจันทร์ : ห้าม สระ ทั้งหมด
  • คนเกิดวันอังคาร : ห้ามตัวอักษร ก ข ค ฆ ง
  • คนเกิดวันพุธกลางวัน : ห้ามตัวอักษร จ ฉ ช ซ ฌ ญ
  • คนเกิดวันราหูวันพุธกลางคืน : ห้ามตัวอักษร บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
  • คนเกิดวันพฤหัสบดี : ห้ามตัวอักษร ด ต ถ ท ธ น
  • คนเกิดวันศุกร์ : ห้ามตัวอักษร ย ร ล ว
  • คนเกิดวันเสาร์ : ห้ามตัวอักษร ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ 

คราวนี้เมื่อคุณพ่อคุณแม่ได้ทำการตั้งชื่อจริงของลูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่อยากที่จะตัดชื่อจริงออกมาเป็นชื่อเล่นเราเลยเสนอทางเลือก พร้อม 10 คำแนะนำในการตั้งชื่อเล่นให้กับลูกมาฝาก เผื่อว่าจะเป็นไอเดียที่ดีและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ง่ายขึ้น

สำหรับการตั้งชื่อเล่นให้กับลูกในสมัยนี้นั้นมีความพิเศษมากกว่าการตั้งชื่อเล่นให้กับลูกในสมัยที่ผ่านมา เพราะเมื่อก่อนจะนิยมตั้งชื่อเล่นให้ลูกเพียงพยางค์เดียว หรืออาจะตั้งชื่อเล่นให้ลูกเป็นสิ่งของที่มีค่า อีกทั้งการตั้งชื่อเล่นนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของพ่อแม่ส่วนใหญ่ ยิ่งในยุคนี้มีลูกแค่เพียงคนเดียวก็คิดหนักว่าจะให้ลูกมีชื่อเล่นว่าอะไรดี โดยส่วนใหญ่จะเป็นชื่อที่มี 2 พยางค์ ถึงตอนนี้มาดูกันดีกว่าว่าการที่จะได้ชื่อเล่นนั้นมามีส่วนประกอบจากอะไรบ้าง

10 เทคนิคการตั้งชื่อเล่นให้ลูกที่ได้รับความนิยม

  1. ตั้งชื่อเล่นของลูกให้มีความหมายตามคำโบราณ ตามตำนานเล่าขาน หรือเป็นชื่อที่เน้นประวัติศาสตร์ให้ผู้คนได้จดจำ
  2. ตั้งชื่อเล่นให้ลูกตามปีเกิด หรือสิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นในปีที่ลูกเกิด
  3. ตั้งชื่อเล่นให้ลูกตามวันเกิด หรือตามเดินเกิด อาทิ น้องปีใหม่ น้องสงกรานต์ น้องเมษา หรือน้องธันวา เป็นต้น
  4. ตั้งชื่อเล่นให้ลูกตามชื่อเมือง หรือสถานที่เกิด ในบางครั้งอาจเป็นสถานที่ที่คุณพ่อคุณแม่พบเจอกันเป็นครั้งแรก อาทิ น้องปารีส น้องปาย น้องน้ำอิง เป็นต้น
  5. ตั้งชื่อเล่นให้ลูกตามสภาพภูมิอากาศตอนลูกเกิด อาทิ น้องฟ้าใส น้องฝนหลวง น้องน้ำฝน เป็นต้น
  6. ตั้งชื่อเล่นให้ลูกตามอาหารที่คุณแม่ชอบรับประทานบ่อยที่สุด หรืออยากกินมากสุด ๆ เวลาแพ้ท้อง อาทิ น้องน้อยหน่า น้องแกงส้ม น้องพิซซ่า เป็นตน้
  7. ตั้งชื่อเล่นแปลกๆ ให้ลูกจากคำที่คิดว่าไม่น่าจะเอามาตั้งเป็นชื่อคนได้ อาทิ น้องเฉียบขาด น้องอินเตอร์เน็ต น้องมาม่า เป็นต้น
  8. ตั้งชื่อเล่นให้ลูกตามสมัยนิยม สังเกตว่าจะมีการตั้งชื่อเล่นแบบนี้ทั้งตระกูล อาทิ ตระกูลข้าว น้องข้าวหอม ข้าวตู่ ข้าวตัง ข้าวปั้น หรือตระกูลมะ เช่น มะยม มะปราง มะนาว เป็นต้น
  9. ตั้งชื่อให้เล่นให้ลูกตามชื่อของศิลปิน ดารา หรือซุปเปอร์สตาร์ที่ชื่นชอบ หรืออาจะเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนั้น เช่น น้องญาญ่าา น้องณเดช น้องแพนเค้ก เป็นต้น
  10. ตั้งชื่อเล่นที่คล้องจองกับชื่อของคุณพ่อคุณแม่ให้กับลูก หรืออาจคล้องกับนามสกุลที่ใช้ก็ได้

และทั้งหมดนี่ก็เป็นเรื่องราวและเทคนิคในการตั้งชื่อให้กับลูก ทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง นอกจากนั้นยังมีรูปแบบและวิธีการอื่นๆ อีกมาก ใครที่ชื่นชอบในความหมายแบบใด หรือวิธีใดก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กันได้ แต่ให้คำนึงถึงผลที่จะตามต่อตัวลูกให้รอบคอบ จะได้ไม่ต้องมาคอยเปลี่ยนชื่อใหม่ในภายหลังยังไงล่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก www.snowbrand.co.th, maerakluke.com, enfababy.com, mamaexpert.com, theasianparent.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก Thinkstockphotos.com 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook