ขูดเลขนำโชคหมอช้างแนะนำหลักในการจัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่คนไทยอย่างเรามีความเชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องด้วยบ้านเมืองเราส่วนใหญ่นับถือศาสานาพุทธ คงไม่แปลกที่จะมีการกราบไหว้ พระ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่หรับใครที่อยากนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเข้ามาไว้ในบ้าน แต่ยังจัดสถานที่ไม่ถูก
วันนี้ Sanook! Horoscope ขอนำเสนอเรื่องราวของการจัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้าน จากหมอช้าง อาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา ในรายการ สมาคมเมียจ๋า มาฝากกันค่ะ
เริ่มด้วยการจัดห้องหิ้งพระภายในบ้าน
- ห้ามใช้ผนังเดียวกันกับห้องน้ำ ความหมายคือ ในการตั้งโต๊ะหมู่บูชาหรือหิ้งพระไม่ควรใช้ผนังผนังเดียวกับห้องน้ำ
- ทิศในการตั้ง ส่วนใหญ่เชื่อว่าต้องตั้งหันไปทางทิศตะวันออก แต่หากว่าหันไปทางทิศตะวันออกแล้วปรากฏว่าตรงกับห้องน้ำ นั่นก็ถือว่าไม่ดีเช่นกัน หรือ บางคนมีความเชื่อว่าต้องตั้งไว้ที่สูงๆ ชั้นบนของบ้าน
แต่ถ้าหากบ้านหลังนั้นมีผู้ใหญ่อยู่มากก็คงไม่สะดวกที่ผู้ใหญ่มีอายุจะขึ้นไปไหว้พระที่ชั้นบนของบ้าน สุดท้ายแล้วก็ควรจะดูตามความเหมาะสม อย่าให้ใกล้หรือชนกับห้องน้ำ อันนี้จะสำคัญที่สุด
และต้องคิดไว้เสมอว่าห้องพระที่ดีควรเป็นมุมสงบ ควรจะแบ่งเป็นสัดเป็นส่วนจะดีกว่า
หากว่าใครไม่มีพื้นที่จริงๆ ต้องจัดหิ้งพระเอาไว้ในห้องนอน สามารถทำได้แต่ไม่ควรจะอยู่ที่ปลายเท้า ถ้าจะไว้หัวเตียงก็ต้องดูระดับความสูงด้วยควรเลือกที่พอเหมาะพอดี
ตำแหน่งของโต๊ะหมู่บูชา (ไล่จากสูงสุดลงต่ำ)
- ตำแหน่งสูงสุด คือ ที่สำหรับวางพระพุทธรูป ถือว่าเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า
- ตำแหน่งรองจากพระพุทธรูป เป็นตำแหน่งของพระอรหันตสาวกในยุคพุทธกาล
- ตำแหน่งรองลงมาจากตำแหน่งของพระอรหันตสาวก คือ ตำแหน่งของพระเกจิอาจารย์ เช่น หลวงปู่ทวด ไม่ว่าจะะเป็นรูปหรือเหรียญก็สามารถเอามาได้
ส่วนทิศที่ตั้งส่วนใหญ่ไม่นิยมทิศตะวันตก ส่วนจะจัดวางที่ทิศไหนจริงแล้วก็เน้นดูความเหมาะสมมากกว่า
และสำหรับบางบ้านที่บูชาเทพด้วย แนะนำว่าควรวางไว้ที่ทางซ้ายของโต๊ะหมู่บูชา แต่ถ้ามีพื้นที่จำกัดไม่สามารถวางโต๊ะของเทพเพิ่มได้ ก็สามารถว่างไล่ลำดับต่ำลงมาจากพระพุทธรูปลงมา
ศาลพระภูมิ
ปกติแล้วบ้านส่วนใหญ่ในบ้านคนเราจะเห็นว่ามีทั้งศาลพระภูมิและศาลตายาย โดยศาลตายายจะเป็นความเชื่อของโบราณว่าเป็นเหมือนเจ้าที่ ที่ปกป้องรักษาดูแลคนภายในบ้าน ส่วนศาลพระภูมิคือศาลที่เราตั้งขึ้นเพื่อบูชาพระชัยมงคล หรือสังเกตง่ายๆ คือ ศาลพระภูมิมี 1 เสา แต่ศาลตายายมี 4 หรือ 6 เสา
สำหรับการไหว้ หรือการขอพร
ศาลตายายจะเป็นการไหว้เพื่อเคารพสิ่งทีศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่แล้ว บอกกล่าวให้ท่านคุ้มครองคนในบ้าน
ส่วนศาลพระภูมิจะเป็นเหมือนการเชิญท่านมาอยู่ที่ในศาลเพื่อเป็นปกป้องคุ้มครองคนในบ้าน
เรื่องของการตั้งศาลพระภูมินั้นไม่สามารถจัดตั้งเองได้ เพราะเป็นการเชิญพระชัยมงคลเข้ามาอยู่ในศาล ดังนั้น ควรจะต้องให้พราหมณ์มาทำพิธีให้จะดีกว่า
แต่ในทางหลักฮวงจุ้ยก็มีความเชื่อว่า ไม่ควรตั้งศาลให้หันหน้าตรงกับประตูที่เป็นทางเข้าบ้าน (ประตูในตัวบ้าน) และไม่ควรตั้งอยู่ใต้เงาบ้าน เรื่องของความสูงก็สำคัญ เพราะความสูงของศาลพระภูมิจะต้องสูงกว่าระดับปากหรือคิ้วเจ้าของเจ้าบ้าน เพราะเชื่อว่าจะได้มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ
มากันที่ "ตี่จู้เอี๊ยะ" ศาลเจ้าที่ตามความเชื่อของคนไทยเชื่อสายจีน ที่จะช่วยคุ้มครองคนในบ้านเหมือนกับศาลพระภูมิ และนอกจากนี้ยังช่วยเรื่องการค้าขายอีกด้วย
หลักการตั้ง คือ ควรตั้งตรงกับประตูทางเข้าบ้าน เพราะความเชื่อที่ว่า ทางเข้าบ้านเป็นเพราะเป็นทางที่ทรัพย์เข้าบ้าน และให้เทพที่ปกป้องเราได้มองออกทางหน้าบ้านเพื่อจะได้ดูว่าทางหน้าบ้านมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
แต่สิ่งสำคัญในการตั้งตี่จู้เอี๊ยะ คือ ต้องมีผนังรองรับ ไม่ควรตั้งขึ้นมาลอยๆ หรือบ้านไหนที่ไม่มีผนังสามารถทำผนังขึ้นมาได้
การดูแลของที่อยู่ภายในศาลก็มีความสำคัญโดยเฉพาะกระถางธูปที่เป็นประธานของศาล "ไม่ควรย้าย"
ส่วนของไหว้พวกน้ำหรือธัญญาพืชต่างๆ จะต้องเปลี่ยนด้วยเช่นกันเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่นำโชคลาภมาให้ เนื่องจากธัญญาพืชเป็นต้นไม่ที่โตไว ก็เปรียบเสมือนว่าชีวิตคนในบ้านจะได้เติบโตแบบต้นธัญพืชนั่นเอง ส่วนธูปก็สามารถใช้แสงสว่างจากแสงไฟได้ สิ่งสำคัญอยู่ที่การกราบไหว้มากกว่า
ทั้งหมดนี้เป็นคำแนะนำที่นำมาฝากกัน ใครที่อยากจัดสิ่งศักดิ์แบบไหนก็เลือกจัดได้ตามสะดวกค่ะ
สนับสนุนเนื้อหา
